corporation, firm, band, accompany; associate with
บริษัท กลุ่มคน
บริษัท กลุ่มคน
คำนี้พบเห็นบ่อยมากโดยเฉพาะคนที่กำลังจะสมัครงานกับบริษัทต่างๆ แต่เราดันชอบไปออกเสียงว่า คอมปะนี เหมือนกับร้าน Pizza Company ซะนี่ ถ้าต้องพูดกับฝรั่งจริงๆ ต้องอ่านว่า คั้ม-พะ-นิ่ ต้องเน้นๆพยางค์แรกนิดนึงนะ
2. different (adj.) ดิฟ-เฟรินท์
not the same; unusual, distinctive
แตกต่างกัน
not the same; unusual, distinctive
แตกต่างกัน
ไม่ว่าจะเรียนอยู่ในระดับชั้นไหนก็ตาม หรือว่าทำงานแล้วก็ต้องเจอกับ different แน่นอน ถามว่าคนส่วนใหญ่อ่านว่าไง ก็คงตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า “ดิฟเฟอเร้น” แต่เชื่อเถอะค่ะ คำนี้ถ้าอ่านว่า
ดิฟ-เฟรินท์ ไปเลยสำเนียงจะเหมือนฝรั่งมาก ไม่เชื่อลองดูสิเอ้า
3. famous (adj.) เฟย์-เมิส
well-known, notorious; excellent
มีชื่อเสียง เป็นที่รู้จัก
well-known, notorious; excellent
มีชื่อเสียง เป็นที่รู้จัก
เฟมัส ฟาโมส เฟโมส etc. เราลองให้น้องสาวอ่านคำนี้ให้ฟังหน่อย แล้วก็ได้คำตอบมาแบบนี้ค่ะ ซึ่งจริงๆแล้วคำที่ลงท้ายด้วย -ous ต้องออกเสียงว่า “เอิส” ไม่ใช่ “อัส” อย่างเช่น dangerous = เดย์น-เจอ-เริส ดังนั้น famous จึงอ่านว่า เฟย์-เมิส นั่นเอง
4. history (n.) ฮิส-ทริ่
events of the past; written narrative of past events
ประวัติศาสตร์
events of the past; written narrative of past events
ประวัติศาสตร์
เด็กไทยมักจะชอบออกเสียงภาษาอังกฤษให้ยาวเกินความจำเป็น อย่างคำว่า history นี่ยังอ่านว่า ฮิส-ตอ-รี่ เหมือนคำว่า story (สตอ-รี่) เมื่อเอามารวมกันต้องอ่านรวดเดียวไปเลย เป็น ฮิส-ทรี่ออกเสียง t เป็น “ท” นะ ฟังง่ายกว่า “ต” ตั้งเยอะ
5. owl (n.) อาวล์
predatory (chiefly nocturnal) bird that has a large broad head with large eyes that face forward and are surrounded by a ring of feathers
นกฮูก
predatory (chiefly nocturnal) bird that has a large broad head with large eyes that face forward and are surrounded by a ring of feathers
นกฮูก
ตอนแรกที่เห็นคำนี้เราอ่านเลยว่า โอวล์ ค่ะ ตามที่อ่าน bowl แต่เมื่ออยู่โดดๆแบบนี้ต้องอ่านว่า อาวล์ ถึงจะถูก เพิ่งมารู้ตอนดูหนัง Harry Potter นี่แหละ นกฮูกสีขาวของแฮร์รี่ (ชื่อ Hedwig ไง จำกันได้มั้ยเอ่ย) เอ๊ะ มันเรียกว่า อาวล์ นี่หว่า ไอ้เราก็หลงผิดมาตั้งนาน
6. purpose (n.) เพ้อร์-เพิส
goal, aim; intention, objective
วัตถุประสงค์ เป้าหมาย
goal, aim; intention, objective
วัตถุประสงค์ เป้าหมาย
คำนี้ได้ยินบ่อยตอนพรีเซ้นท์งานเป็นภาษาอังกฤษ คนมักสับสนกับคำว่า propose (v.) ที่แปลว่านำเสนอ หรือขอแต่งงาน เลยพาลคิดไปว่า purpose ต้องอ่านว่า เพอร์-โพส แต่จริงๆแล้วคำนี้อ่านว่า เพ้อร์-เพิส พยางค์หลังออกเสียงสั้นนะค่ะ
7. psycho (n.) ไซ-โค
mentally disturbed person, person who suffers from mental illness
ผู้ที่เป็นโรคประสาท
mentally disturbed person, person who suffers from mental illness
ผู้ที่เป็นโรคประสาท
เรามักจะสับสนกับศัพท์ที่ขึ้นต้นด้วย psy มองแวบแรกหลายๆคนมักอ่านว่า “ไฟ” แต่คำประเภทนี้ต้องอ่านว่า “ไซ” ถึงจะถูกค่ะ ทั้ง psychic (ไซคิค) psychology (ไซโคโลจิ่)
Tips: คำที่ขึ้นต้นด้วย phy ให้อ่านว่า “ฟิ” นะค่ะ เอาง่ายๆ นึกถึงวิชาฟิสิกส์เข้าไว้ (physics)
8. receipt (n.) รี-ซีท
bill of sale, written statement of purchases
ใบเสร็จรับเงิน
bill of sale, written statement of purchases
ใบเสร็จรับเงิน
เห็นแค่ตัวอักษรติดกันยุ่บยั่บก็คงคิดว่าอ่านยากแล้วสำหรับคำนี้ แต่จริงๆแล้วง่ายนิดเดียวค่ะ ไม่ต้องไปออกเสียงตัว p เลย อ่านว่า “รี-ซีท” ก็พอ
9. recipe (n.) เระ-ซิ-พิ่
any set of written instructions; written instructions for preparing food; prescription
สูตร (การปรุงอาหาร) ใบสั่งยาของแพทย์
any set of written instructions; written instructions for preparing food; prescription
สูตร (การปรุงอาหาร) ใบสั่งยาของแพทย์
อีกคำหนึ่งที่อยากนำเสนอคือ recipe ที่บางคนมองปุ๊บก็พูดอย่างมั่นใจเลยว่า รีซีพ/รีไซพ์ แต่มันหลอกตาเราครับ จำไว้ได้เลยว่า recipe อ่านว่า เระ-ซิ-พิ่
10. slave (n.) สเลย์ฟ
person who belongs to and is completely subject to another
ทาส
person who belongs to and is completely subject to another
ทาส
เชื่อรึเปล่าว่าคำนี้กลายเป็นคำฮิตติดปากคนไทยไปซะแล้ว….แบบผิดๆ สำหรับคนที่เคยเล่นเกมส์ไพ่สลาฟออนไลน์ ก็จะยึดติดว่า slave ต้องอ่านว่าสลาฟ ผิดไปเลยครับแบบนี้ ต้องอ่านว่า “สเลย์ฟ” แต่ก็เอาเหอะนะ มันฝังรากลึกไปแล้ว ถ้าไปเรียกเกมส์นี้ว่าไพ่สเลย์ฟ คงไม่มีใครรู้เรื่องกับเรา แค่เจอชาวต่างชาติพูดให้ถูกก็โอเคแล้วค่ะ
เป็นไงบ้างค่ะกับ 10 คำศัพท์ชุดนี้ อ่านถูกกันกี่คำอย่าลืมมาแชร์กันด้วยนะ เอาจริงๆ ต้องจับหลักได้ว่า prefix, suffix แต่ละตัวเวลาไปผสมเป็นคำต้องออกเสียงว่ายังไง เราจะสามารถอ่านออกเสียงคำศัพท์ภาษาอังกฤษได้แทบทุกคำที่จำเป็นในชีวิตประจำวันแล้วล่ะค่ะ อย่าลืมว่าเรียนภาษาอังกฤษไม่ใช่เรื่องยาก ฝึกพูดภาษาอังกฤษบ่อยๆ อย่าเพิ่งท้อใจ ทุกอย่างก็เริ่มต้นจากศูนย์ทั้งนั้น แล้วพบกันใหม่ค่ะ